วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556
โซลอีทเตอร์
ตัวละครหลัก
มากะ อัลบาร์น
ผู้ใช้อาวุธเคียวเดธไซส์ ซึ่งเคียวอาวุธประจำตัวของเธอคือ โซล อีทเตอร์ เธอเป็นผู้ใช้อาวุธมาจากสถาบันช่างกลผลิตอาวุธยมทูต (ชิบุเซ็น) ซึ่งมีหน้าที่นำวิญญาณปีศาจหรือตามบัญชีรายชื่อของท่านยมทูตให้ได้ 99 ดวง และวิญญาณของแม่มด 1 ดวง เพื่อให้อาวุธกลายเป็นเดธไซต์และเป็นอาวุธประจำตัวของท่านยมทูต มากะมีนิสัยส่วนตัวเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความขยันหมั่นเพียร ฉลาดหลักแหลม ความจำดี แต่ก็มีบ้างที่เธอมีอารมณ์รุนแรงตามประสาเด็กผู้หญิงวัยรุ่นทั่วไปและมักจะทะเลาะกับโซลคู่หูของเธออยู่บ่อยๆ และเหตุผลที่เธอตัดสินใจที่จะเป็นผู้ใช้อาวุธเคียวก็เพื่อตามรอยแม่ของเธอซึ่งแม่ของเธอนั้นสามารถทำให้พ่อของเธอซึ่งเป็นอาวุธกลายเป็นเดธไซส์จนสำเร็จได้ แต่ปัจจุบันแม่ของเธอได้หย่าขาดกับพ่อของเธอแล้วเพราะความเจ้าชู้ประตูดินของพ่อ และนี่เป็นสิ่งที่เธอนั้นไม่อยากเจอมากที่สุด เพราะฉะนั้นเธอไว้ใจโซลซึ่งเธอคิดว่าเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด ท่าไม้ตายลับของมากะชื่อ "มากะช้อป" เป็นการใช้สันหนังสือเคาะหัวอย่างแรง(โซลมักโดนท่านี้ประจำ)
โซล อีทเตอร์ อีแวนส์
- เคียวปีศาจคู่หูของมากะ ชื่อจริงของโซลคือ “โซล อีแวนส์” โซลนั้นอยู่ในครอบครัวที่เป็นนักดนตรีซึ่งเขาเป็นนักเปียโน บุคลิกของเขานั้นเป็นหนุ่มวัยรุ่นทั่วไป วลีที่โซลชอบพูดจนติดปากนั่นก็คือคำว่า “Cool” ซึ่งเขาอยากให้ตัวเขาเองนั้นเป็นเดธไซต์แบบเท่ๆตามที่เขาชอบ เขานั้นมักเข้าขากับแบล็คสตาร์ได้ดี จุดอ่อนของโซลนั้นมักแพ้สาวที่มีหน้าอกโตจนทำให้เขาต้องมีอาการเลือดกำเดาไหลออกมา แต่โซลนั้นเป็นคนที่จริงจังในการต่อสู้จนยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องผู้ใช้อาวุธอย่างมากะและเป็นที่พักใจของมากะได้ดีทีเดียว ตอนที่ทั้งคู่ผสานวิญญาณกัน โซลจะเล่นเปียโน มีผลให้อัตราซิงโคร สูงขึ้น โซลได้รับเลือดสีดำเข้าไป ภายในจิตใจจึงมีแบล็ครูมที่มีปีศาจเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้โซลใช้ความบ้าคลั่งในการต่อสู้ ท่าไม้ตายที่มากะและโซลเมื่อผสาญคลื่นวิญญาณ คือ วิช ฮันท์ติ้ง กับ เดมอน ฮันท์ติ้ง และท่าสุดท้ายคือเฟียสก๊อตฮันท์ติ้งซึ่งใช้ได้ในตอนจบในหนังสือนั้น โซลมีพี่ชายที่เป็นนักไวโอลิน ชื่อ เวส อีแวนส์ (Wes Evans) ซึ่งมีความสามารถทางดนตรีสูง
แบล็คสตาร์
- บุตรชายของมือสังหาร ไวท์สตาร์ ที่ทางชิบุเซ็นรับมาเลี้ยง ซึ่งเขาเป็นผู้ใช้อาวุธนินจาศาสตร์มืดซึ่งก็คือสึบากิ วีธีการต่อสู้ของเขาเป็นรูปแบบของนินจามือสังหารซึ่งต้องใช้ความเงียบเป็นที่สุด แต่ทว่าบุคลิกของเขานั้นกลับตรงกันข้ามเพราะนิสัยของเขานั้นเป็นคนที่ชอบโอ้อวด ชอบร้องตะโกนเสียงดังเหมือนกับดารานักแสดงจนไม่สนใจเรื่องการรวบรวมวิญญาณเลย ทำให้เขามักจะโดนอาจารย์ในชิบุเซ็นเรียนซ่อมอยู่บ่อยๆและชอบโดดเรียนอยู่บ่อยครั้ง เขาเองก็มีคำที่ชอบพูดติดปากว่า “BIG” และมักคิดว่าตัวเองนั้นเหนือกว่าพระเจ้า มีนิสัยโผงผาง ตรงไปตรงมา แต่รักพวกพ้องแบล็กสตาร์เป็นผู้ใช้อาวุธคนเดียวในกลุ่มมากะที่สามารถนำคลื่นวิญญาณปล่อยบนฝ่ามือได้โดยตรง มีพลังทำลายจาก ภายในที่รุนแรงและชั้นเชิงการต่อสู้ที่ร้ายกาจ เขาอาจเป็นนักเรียนที่มีฝีมือการต่อสู้สูงที่สุดในกลุ่มทีเดียว(วัดจากกระบวนท่า ความคล่องแคล่ว ความแข็งแรงและพลังกาย)
- นาคาสึคาสะ สึบากิ
- ศาสตรามืดซึ่งเป็นคู่หูของแบล็กสตาร์ เธอเป็นอาวุธสายนินจาซึ่งสามารถแปลงร่างเป็นอาวุธอย่างอื่นได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ เช่น เคียวโซ่ ระเบิดควัน ดาบนินจา ดาวกระจาย เธอเป็นผู้ที่เข้าใจวีถีการต่อสู้ของนินจาได้ดีกว่าคู่หูของเธอ และบุคลิกของเธอก็เรียกได้ว่าแตกต่างจากแบล็กสตาร์โดยสิ้นเชิง สึบากิเป็นสาวที่เรียบร้อย สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน และเธอเป็นคนที่ต้องคอยห้ามปรามยามที่แบล็กสตาร์นั้นมีเรื่องทะเลาะอยู่เป็นประจำ เมื่อแบล็คสตาร์กับสึบากิผสานคลื่นวิญญาณแล้วก็กลายเป็นดาบคาตานะหรือดาบภูติ ในหนังสือ เธอได้จัดการพี่ชายแท้ๆของตัวเองด้วยความจำเป็น และได้รับพลังใหม่มา นั่นคือ โหมดดาบภูต ซึ่งเป็นโหมดที่แข็งแกร่งที่สุดของแบล็คสตาร์และสึบากิ สามารถควบคุมเงาให้มีตัวตนและช่วยต่อสู้ได้ เรียกว่าชาโดว์สตาร์
- เดธ เดอะ คิด
-
- ผู้ใช้อาวุธปืนปีศาจคู่ เขานั้นเป็นเป็นผู้ใช้อาวุธเพียงคนเดียวในกลุ่มมากะที่เป็นยมทูตเพราะเขานั้นเป็นทายาทของท่านยมทูต เขาตัดสินใจที่จะเป็นผู้ใชอาวุธเพราะเขาต้องการผลิตอาวุธของเขาด้วยตนเองและเขานั้นตัดสินใจมาสมัครเรียนที่ชิบุเซ็นเพราะเห็นจากการต่อสู้ของพวกมากะกับดร.สไตน์ เขานั้นเป็นเด็กหนุ่มที่ชอบความสมบูรณ์แบบ และชื่นชอบ “ความสมมาตร” เป็นที่สุด จนทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขากระทำ มองเห็น การต่อสู้ รวมถึงความคิดมักจะเอาความสมมาตรเข้ามาประกอบอยู่ด้วยเสมอๆจนกระทั่งเขานั้นวิตกกังวลจนเกินเหตุซึ่งเป็นจุดด้อยในยามที่เขาต้องต่อสู้กับศัตรู แต่เมื่อเขานั้นเอาจริงในการต่อสู้เขานั้นก็จะกลายเป็นผู้ใช้อาวุธที่มีฝีมือดีที่สุดและจริงจังกับภารกิจทั้งชิบุเซ็นและภารกิจของท่านยมทูตผู้เป็นพ่อของเขาได้มอบหมายให้มา ในภาค 2 ได้เป็นคู่กับ โครน่า กอร์กอนในเว็บวิกิของเรื่องนี้ ได้มีการเปิดเผยว่า แถบบนผมของคิดหรือเรียกอีกอย่าง ว่า "เดอะ ไลน์ ออฟ ซันสึ" ถ้าหากล้อมต่อกันเป็นวงกลมครบทั้งสามเส้น คิดจะกลายเป็นยมทูตเต็มตัวเพราะพลังวิญญาณที่ถูกเร่งขึ้นจนมีมหาศาล และ(ไม่ยืนยันแน่ชัดว่า)ท่านยมทูตก็อาจจะต้องตายเพื่อส่งมอบตำแหน่งอย่างถูกต้องด้วย ล่าสุด สิ่งที่คอยเร่งพลังของคิดได้สูงสุดก็คืออุปกรณ์ของเอบอน นั่นคือ Brew นั่นเอง
- อลิซาเบธ "ริซ" ทอมป์สัน พี่แพทริเซีย "แพทตี้" ทอมป์สัน น้อง
- สองพีน้องปืนปีศาจคู่ของคิด ในอดีตนั้นพวกเธอเป็นเด็กข้างถนนจนกระทั่งพวกเธอได้กลายเป็นอาวุธประจำตัวของคิด คิดได้เลือกสองพี่น้องทอมบ์สันมาเป็นอาวุธก็เพราะความเป็นคนง่ายๆของสองพี่น้องและความเหมือนกันซึ่งเป็นที่มาของความสมมาตรที่เขาชอบ แม้ว่าพวกเธอนั้นเป็นอาวุธซึ่งต้องทำการเชื่อมพลังคลื่นวิญญาณเป็นสองเท่าแต่ก็สามารถเข้ากันได้ดีเพราะความเคารพในกลุ่ม นิสัยส่วนตัวนั้น แพทตี้ผู้เป็นน้องนั้นมีนิสัยร่าเริง มักไม่กลัวสิ่งต่างๆจนกระทั่งเธออาจจะกลายเป็นสาวบ้าบิ่นห้าวๆด้วยซ้ำ มีนิสัยเหมือนเด็ก ชอบหัวเราะตลอดเวลา เป็นคนที่มีการเคลื่อนไหวเร็วและเฉียบขาดน่าเสียดายที่ต้องมาเป็นอาวุธ ชอบสีเหลือง สัตว์ที่ชอบคือยีราฟ เมื่อคิดผสานวิญญาณกับพี่น้องทอมป์สันแล้วก็จะกลายเป็นปืนใหญ่คู่และมีท่าไม้ตายคือ "เดธ แคนน่อน
- โครน่า
- ลูกสาวแท้ๆของแม่มดเมดูซ่า อันที่จริงเมดูว่าอยากได้ลูกชายแต่ดันกลายเป็นเด็กผู้หญิง ซึ่งตอนเด็กๆโครน่ามักจะถูกแม่ของตนบังคับให้พูด "ผม,คับ" และฆ่าสิ่งมีชีวิตตั้งแต่เด็ก เป็นคู่หูกับแรคนาร็อค สามารถใช้เลือดดำต่อสู้ได้ดี มีนิสัยขี้กลัวไม่มั่นใจในตนเองขี้วิตกจริต ภายหลังได้มาเป็นเพื่อนกับมากะมีท่าไม้ตาย คือ สคริชอัลฟ่า และ ต่อมาแม่ของโครน่าได้นำโครน่าไปทดลองเกี่ยวกับ การติดเชื้อบ้าคลั่ง และเลือดสีดำ จึงทำให้โครน่ากลายเป็นผู้ติดเชื้ออย่างเต็มตัว ภายหลังโควน่าได้ร่วมมือกับแมรี่ ไปจัดการเมดูซ่าแม่ของตนเอง แรคนาร็อค (Ragnarok ; ラグナロク) พากษ์โดย ธวัช รัตตะชัย (ไทย) ดาบมารเป็นคู่หูของโครน่ามีนิสัยขี้แกล้ง
ประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ ด.ช.สุวิจักขณ์ ยุติธรรมนนท์ ศึกษาอยู่ ร.ร. สุราษฎร์พิทยา
เรียนอยู่ ม.1 สีที่ชอบ สีฟ้า
อาหารที่ชอบ ก้วยเตียว ชอบ อ่านการ์ตูน
เกิด 15 มีนาคม 2544
กีฬาเทเบิลเทนนิส
กีฬาเทเบิลเทนนิส
กีฬาเทเบิลเทนนิส
หรือ ปิงปอง ที่เรารู้จักกันนั้น ถือเป็นกีฬาที่มีความยากในการเล่น เป็นอันดับต้นๆ
ของโลก เนื่องจากธรรมชาติของกีฬาประเภทนี้นั้น
ถูกจำกัดให้ตีลูกปิงปองลงบนโต๊ะของคู่ต่อสู้ ซึ่งพื้นที่บนฝั่งตรงข้ามมีเพียง
พื้นที่ แค่ 4.5 ฟุต X 5 ฟุตเท่านั้น และลูกปิงปองยังมีความเบามาก เพียง 2.7 กรัม เท่านั้น
และความเร็วในการเคลื่อนที่จากฝั่งหนึ่ง ไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ยังใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาทีอีกต่างหาก
แถมลูกปิงปองที่ลอยอยู่ในอากาศนั้น ยังมีความหมุนรอบตัวเองอีกด้วย
ซึ่งลูกปิงปองที่กำลังเคลื่อนที่มาหาเรานั้น เราจะต้องตีกลับไปอีกด้วย เพราะไม่ตี
หรือ ตีไม่ได้ ก็หมายถึงการเสียคะแนนทันแต่ในความยากนั้น ก็ย่อมมีประโยชน์สำหรับผู้เล่นเหมือนกัน เพราะ
เป็นกีฬาที่ต้องใช้ทุกส่วนของร่างกายร่วมกันทั้งหมด ซึ่งส่วนต่างๆ ที่ต้องใช้ มี
วิธีการเล่นปิงปอง
กีฬาเทเบิลเทนนิส หรือ ปิงปอง ที่เรารู้จักกันนั้น ถือเป็นกีฬาที่มีความยากในการเล่น เป็นอันดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากธรรมชาติของกีฬาประเภทนี้นั้น ถูกจำกัดให้ตีลูกปิงปองลงบนโต๊ะของคู่ต่อสู้ ซึ่งพื้นที่บนฝั่งตรงข้ามมีเพียง พื้นที่ แค่ 4.5 ฟุต X 5 ฟุตเท่านั้น และลูกปิงปองยังมีความเบามาก เพียง 2.7 กรัม เท่านั้น และความเร็วในการเคลื่อนที่จากฝั่งหนึ่ง ไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ยังใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาทีอีกต่างหาก แถมลูกปิงปองที่ลอยอยู่ในอากาศนั้น ยังมีความหมุนรอบตัวเองอีกด้วย ซึ่งลูกปิงปองที่กำลังเคลื่อนที่มาหาเรานั้น เราจะต้องตีกลับไปอีกด้วย เพราะไม่ตี หรือ ตีไม่ได้ ก็หมายถึงการเสียคะแนนทันแต่ในความยากนั้น ก็ย่อมมีประโยชน์สำหรับผู้เล่นเหมือนกัน เพราะ เป็นกีฬาที่ต้องใช้ทุกส่วนของร่างกายร่วมกันทั้งหมด ซึ่งส่วนต่างๆ ที่ต้องใช้ มี
1. สายตา
สายตาจะต้องจ้องมองลูกอยู่ตลอดเวลา แต่การจ้องลูกอย่างเดียวก็ยังไม่เพียงพอ เพราะจะต้องจ้องมองและสังเกตหน้าไม้ของคู่ต่อสู้อีกด้วยว่า ตีลูกความหมุนลักษณะใดมาหาเรา
2. สมอง
ปิงปอง เป็นกีฬาที่ต้องใช้สมองในการคิดเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องคิดอยู่ตลอดเวลา รวมถึงต้องวางแผนการเล่นอีกด้วย
3. มือ
มือที่ใช้จับไม้ปิงปอง จะต้องคล่องแคล่วและว่องไว รวมถึงต้องรู้สึกได้เมื่อลูกปิงปองสัมผัสถูกหน้าไม้
4. ข้อมือ
ในการตีบางลักษณะ จำเป็นต้องใช้ข้อมือเข้าช่วย ลูกจึงจะมีความหมุนมากยิ่งขึ้น
5. แขน
ต้องมีพลกำลังและมีความอดทนในการฝึกซ้อมที่ต้องซ้อมแบบซ้ำและซ้ำอีก
6. ลำตัว
การตีลูกปิงปองในบางจังหวะ ต้องใช้ลำตัวเข้าช่วย
7. ต้นขา
แน่นอนว่าเมื่อกีฬาปิงปองเป็นกีฬาที่มีความเร็วสูง ต้นขาจึงต้องแข็งแรง และเตรียมพร้อมในการเคลื่อนที่ตลอดเวลา
8. หัวเข่า
ต้องย่อเข่า เพื่อเตรียมพร้อมในการเคลื่อนที่
9. เท้า
ต้องเคลื่อนที่เข้าหาลูกปิงปองตลอดเวลา หากเท้าไม่เคลื่อนที่เข้าหาลูกปิงปอง ก็จะทำให้ไม่มีฟุตเวิร์ด และตามตีลูกปิงปองไม่ทัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)